การภาวนาตามแบบพุทธะ

เงาแห่งพุทธะ เริ่มเกิดตั้งแต่ฌานที่ ๑

ธรรมะคือคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เรายอมรับกัน มีอยู่ ๓ แต่จะขอกล่าวมาตั้งแต่ต้น ซึ่งเกี่ยวกับสรณะที่พึ่งของเรา

พุทโธคือพระพุทธเจ้า เป็นชื่อของคุณธรรมที่ทำคนให้เป็นพุทธะ ใครสามารถทำจิตให้สงบ นิ่ง มีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา เป็นสมาธิขั้นปฐมฌาน มีสติรู้สำนึกผิดชอบชั่วดีประชุมพร้อมอยู่ที่จิต จิตเลยปลงพร้อมลงด้วยองค์อริยมรรค ๘ ประการ รวมลงเป็นหนึ่งอยู่ที่จิต จิตในขั้นปฐมฌาน ฌานที่หนึ่งเป็นจิตในขั้นทดสอบความสามารถ และเป็นการหยั่งรู้สภาพความจริงของจิต เพราะฌานหนึ่งจิตยังมีอารมณ์ ถ้าเป็นนักบริกรรมภาวนา จิตยังบริกรรมภาวนาอยู่ แต่มีสติรู้พร้อมอยู่ที่จิตในขณะนั้น ถ้าจิตดวงใดพิจารณาธรรมอยู่ ก็ทำหน้าที่พิจารณาอยู่แล้วก็มีสติรู้พร้อมในขณะจิตนั้นๆ แล้วก็มีอาการดูดดื่ม ซึมซาบซึ่งเรียกว่าปีติ เป็นอาการที่จิตดื่มรสพระสัทธรรม เมื่อเป็นเช่นนั้น จิตมีปีติ มีความสุข จิตดวงนี้กลายเป็นธัมมะกาโม เป็นจิตที่ใคร่ในธรรม เพราะจิตได้ดื่มรสพระสัทธรรม อาการที่จิตดื่มรสพระสัทธรรม จิตนิ่ง สว่าง แจ่มใส เบิกบาน รู้ตื่นอยู่ที่จิต อันนี้เงาแห่งพุทธะคือคุณธรรมที่ทำคนให้เป็นพุทธะบังเกิดขึ้นในจิตแล้ว

การภาวนาเป็นการรวมธรรมลงสู่ใจ

ดังนั้น สมาธิที่เราฝึกฝนอบรมอยู่นี่ เพื่อรวบรวมคุณธรรมที่กระจายอยู่เป็นหมวดๆ กระจายอยู่ที่ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ มารวมลงที่ใจ ทำไมเราจึงรวมเอาธรรมมาไว้ที่ใจ ธรรมคือหลักปฏิบัติ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา และมรรคมีองค์ ๘ รวมอยู่ที่จิต จิตรู้ ตื่น เบิกบาน นั้นเป็นวาระแรกที่จิตรวมเอาองค์มรรคซึ่งเรียกว่า มรรคสมังคี บังเกิดขึ้นในจิตของผู้ภาวนาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น จิตกลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน มีคุณธรรมที่ทำคนให้เป็นพุทธะ จิตพุทธะบังเกิดขึ้นแล้ว ธรรมชาติของจิตพุทธะ จะต้องเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เมื่อพุทธะตัวนี้มีพลังแก่กล้าขึ้นและมีความมั่นคงยิ่งขึ้น จะทำให้จิตของผู้นั้นกลายเป็นผู้มีสติปัญญา รู้แจ้งเห็นจริง รู้ตามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อ่านต่อ...