เข้าถึงความเป็นพุทธะแห่งจิต ตอน 3

หากท่านคิดว่าพระพุทธเจ้าคือพระพุทธรูป เมื่อท่านกราบลงไปก็ถูกแต่อิฐแต่ปูน หากคิดว่าพระธรรมก็คือคัมภีร์ เมื่อกราบลงไปก็ถูกแต่ตู้กับใบลาน และถ้าคิดว่าพระสงฆ์อยู่วัด กราบไหว้ลงไปก็ถูกแต่ลูกหลานชาวบ้าน เราท่านทั้งหลายจงทำความเข้าใจว่า พระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ อยู่ที่ใจและเกี่ยวเนื่องกับเราทุกลมหายใจ

การที่เราน้อมเอาคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ มาเป็นสรณะที่พึ่งเราต้องพยายามปฏิบัติหน้าที่ของความเป็นมนุษย์ คืออะไร หน้าที่ของความเป็นลูก เราคงเคยได้ฟังว่า พระพรหมเป็นผู้สร้างโลกสร้างมนุษย์ พระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกสร้างมนุษย์ แต่เราจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม โลกที่เราอยู่ทุกวันนี้ จะเจริญขึ้นหรือเสื่อมลงก็เพราะน้ำมือของมนุษย์ สิ่งก่อสร้างทั้งหลายที่เราเห็นอยู่ มนุษย์เป็นผู้สร้างทั้งนั้น ไม่ใช่พระพรหมหรือพระเจ้าเป็นผู้สร้าง มนุษย์สร้างมนุษย์ มนุษย์สร้างพระพรหม มนุษย์สร้างพระผู้เป็นเจ้า แม้แต่พระพุทธเจ้ามนุษย์ก็สร้าง

๑. มนุษย์สร้างมนุษย์อย่างไรนั้นจะไม่ขอกล่าวถึง ให้นึกถึงพระคุณของคุณพ่อคุณแม่ที่สร้างเรามา

๒. มนุษย์สร้างพระพรหม เรามองเห็นได้ง่ายที่สุด บิดามารดาเป็นพระพรหมของลูก เพราะบิดามารดามีคุณธรรม คือ เมตตาความรักใคร่ปรารถนา กรุณาความสงสารคิดหาหนทางให้พ้นทุกข์ มุทิตาความพลอยยินดีเมื่อลูกเจริญเติบโตมีวิชาความรู้ความสามารถในการประกอบอาชีพ อุเบกขาความวางใจได้เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างของลูกพร้อมแล้ว ทั้งหลายนี้นี่แหละคือพระพรหมของลูก

ก็แล้วมนุษย์สร้างพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างไร มนุษย์สร้างพระพรหมได้อย่างไร มนุษย์สร้างพระพุทธเจ้าได้อย่างไร มนุษย์สร้างพระอรหันต์ได้อย่างไร มนุษย์สร้างเทวดาได้อย่างไร

พูดถึงมนุษย์สร้างเทวดาก่อน ในคัมภีร์ที่เคยเล่าเรียนมา พอที่จะยกมาเป็นนิยายประกอบ ในกาลครั้งหนึ่ง ขณะอุบาสก อุบาสิกาถือดอกไม้ธูปเทียนจะไปบูชาพระสถูปอันเป็นที่บรรจุพระอัฐิพระพุทธเจ้า ในขณะนั้นมีหญิงสาวคนหนึ่งเห็นผู้เฒ่าผู้แก่ถือดอกไม้อยู่ในมือจึงไต่ถามและได้ความว่าเขาจะไปบูชาพระพุทธเจ้า จึงเกิดความเลื่อมใสและขอตามไปด้วยคน ในขณะนั้นนางเหลือบไปเห็นดอกบวบโผล่อยู่ ๔ ดอก จึงวิ่งไปเด็ดดอกบวบ ๔ ดอกนั้นมา กว่านางจะเด็ดดอกบวบได้ก็เสียเวลาไปหลายนาที คนเฒ่าคนแก่เขาก็เดินไปไกลแล้ว นางก็วิ่งตามไปให้ทันคนแก่ แต่ไม่ได้พิจารณาอันตรายที่จะเกิดขึ้นในระหว่างทาง ในขณะนั้นโคที่ปล่อยอยู่ก็วิ่งมาขวิดนางตายไปในกลางทาง แต่จิตใจของนางขณะนั้นมุ่งตรงพระสถูปด้วยความเลื่อมใส ครั้นตายแล้ว ตำนานกล่าวว่านางไปเกิดเป็นเทวดาบนสวรรค์ มีวิมานทองสูงถึง ๑๒ โยชน์ มีเครื่องประดับตกแต่งล้วนแต่เป็นทองเหลืองอร่าม อยู่มาภายหลังท่านโมคคัลลาน์ไปเที่ยวแล้วไปเห็นนางนั่งอยู่ในวิมานจึงเข้าไปถามว่า “นางทำบุญอะไรจึงได้ไปเกิดเป็นเทวดาอยู่ในวิมานอันสวยงามใหญ่โตเช่นนี้” นางก็อิดเอื้อนไม่อยากบอก เพราะนางได้ทำบุญเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่แล้วก็ทนความคะยั้นคะยอของพระโมคคัลลาน์ไม่ได้ จึงบอกความจริงว่าเอาดอกบวบไปบูชาพระสถูปอัฐิของพระพุทธองค์ ตายแล้วจึงได้มาเกิดเป็นเทวดา นี้ก็เป็นหลักฐานอันหนึ่งที่มนุษย์สร้างเทวดา

มนุษย์สร้างพระพรหมอย่างไร มนุษย์สร้างพระพรหมต้องอาศัยการปฏิบัติ โดยการปฏิบัติสมถกัมมัฏฐาน อย่างเราที่นั่งฟังเทศน์กันอยู่นี่ ตั้งจิตบริกรรมภาวนา พุทโธๆๆอยู่ตลอดเวลาจนทำจิตให้เกิดมีวิตก วิจาร ปีติ สุข เอกัคคตา มีความสงบเยือกเย็น มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิสว่างไสว รู้อยู่เฉพาะที่จิต ตายไปในภูมิรู้นั้นไปเกิดเป็นพระพรหม รวมความแล้ว ผู้ภาวนาทำจิตให้เป็นสมาธิ บรรลุฌานขั้นที่ ๑-๒-๓-๔ ตายไปในฌาน ๔ ขั้นนี้ก็จะไปเกิดเป็นองค์พระพรหม คือพรหมที่มีรูปร่าง นี่คือมนุษย์สร้างพระพรหมขึ้นมา ทีนี้ถ้ามีภูมิจิตละเอียดขึ้นไปกว่านั้น สามารถทำจิตให้บรรลุฌานขั้นที่ ๕-๖-๗-๘ ได้สมาบัติ ๘ ถ้าตายไปในฌานสมาบัติ ก็จะไปเกิดเป็นพรหมไม่มีรูปเรียกว่าอรูปพรหม นี่มนุษย์สร้างพระพรหมขึ้นมา

มนุษย์สร้างพระพุทธเจ้าอย่างไร ขอพูดอย่างภาษาชาวบ้านว่า ตามพุทธประวัติ พระพุทธเจ้าเดิมชื่อท่านชายสิทธัตถะ เป็นลูกชายของพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายา เจ้ากรุงกบิลพัสดุ์ในประเทศอินเดีย พระพุทธเจ้าเป็นเชื้อสายของมนุษย์โดยตรง ต่างจากผู้อื่นตรงที่เกิดในตระกูลกษัตริย์ เมื่อพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษาก็ออกบวชแล้วบำเพ็ญจิตตภาวนา ตรัสรู้อริยสัจธรรมทั้งสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า นี้มนุษย์สร้างพระพุทธเจ้า

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ได้ไปเทศน์ให้ท่านโกณฑัญญะซึ่งเป็นหัวหน้าภิกษุเบญจวัคคีย์ฟัง ผลสุดท้ายภิกษุเบญจวัคคีย์ก็ได้สำเร็จเป็นอรหันต์และบวชในศาสนาของพระพุทธเจ้า ท่านทั้งห้าได้สร้างพระอรหันต์ขึ้น

ฉะนั้น การเกิดเป็นมนุษย์นี้สุดวิเศษ อย่าดูถูกความเป็นมนุษย์ของตัวเอง ปัญหาอยู่ที่ว่ามนุษย์นึกถึงศักดิ์ศรีของตัวเองหรือเปล่า เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาว่าเราเกิดเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์หรือไม่ มนุษย์เรานี้เป็นได้ทั้งพระพุทธเจ้า เป็นได้ทั้งพระพรหมเทวดา สัตว์ แม้แต่เปรตก็เป็นได้

มนุษย์โดยสมบูรณ์นั้น ได้แก่ มนุสสมนุสโส คือกายเป็นมนุษย์จิตใจก็เป็นมนุษย์ด้วย ในขณะใดที่มีศีลธรรม มีความโอบอ้อมอารี มีความรักใคร่ปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ ไม่คิดที่จะข่มเหงรังแกใคร ในขณะนั้นกายเป็นมนุษย์ จิตใจก็เป็นมนุษย์ เรียกว่ามนุสสมนุสโส

ขณะใดที่มีจิตใจเหี้ยมโหด เกิดโมโหโกรธาขึ้นมาแล้วคิดจะฆ่าจะแกงเบียดเบียนโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายและศีลธรรม โกรธขึ้นมาครั้งใดก็ต้องทำร้ายผู้อื่นให้ได้รับความเจ็บแค้น อยากได้อะไรจะลักขโมยเอา ลูกเมียใครก็ไม่ละเว้น พูดจาโกหกมดเท็จส่อเสียดดื่มของมึนเมาเป็นนิสัย แสดงว่าในขณะนั้นกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน เพราะสัตว์เดรัจฉานมันไม่มีกฎหมายไม่มีศีลธรรม หากในจิตใจยังห่วงกฎหมายห่วงศีลธรรมอยู่ ยังเป็นมนุษย์สมบูรณ์ ถ้าไม่มีกฎหมาย ศีลธรรม ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆในจิตใจ จะเป็นมนุษย์แต่ร่าง แต่จิตใจเป็นสัตว์เดรัจฉาน นี้คือเครื่องวัดความเป็นมนุษย์

อีกพวกหนึ่งนั้น ร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นเปรต จะเป็นคนขี้เกียจขี้คร้านไม่สนใจในการทำงาน ใครจะทำอะไรช่างใคร ฉันหลบได้หลบเอา ไม่มีความรับผิดชอบแม้ว่าร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจเป็นเปรต

มนุสสเทโว เป็นมนุษย์อยู่ในระดับ ๔ ถือว่าเป็นมนุษย์อยู่ในระดับพิเศษพอสมควร ร่างกายเป็นมนุษย์แต่จิตใจเปี่ยมไปด้วยคุณธรรม คือมีความละอายแก่ใจ มีความสะดุ้งกลัวต่อบาป ไม่กล้าทำความชั่วทั้งในที่ลับและในที่แจ้ง ไม่ว่าคนจะเห็นก็ตามไม่เห็นก็ตาม ใครรู้ก็ตามไม่รู้ก็ตาม อันนี้เรียกว่ามีคุณธรรมความเป็นเทวดา ผู้ใดมีคุณธรรมนี้แม้ร่างกายจะเป็นมนุษย์ จิตใจก็เป็นเทวดา นี้คือเครื่องวัดกิเลสของมนุษย์

เราเป็นพุทธบริษัท เรามีพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง ผู้ที่มุ่งจะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ที่โดยสาธารณะทั่วไปเรียกว่าไม่อยากทำบาปนั้น มีหลักการทั่วไปที่หนีหลักศีล ๕ ไปไม่ได้ ศีล ๕ ที่นักปราชญ์ได้ชักชวนให้เราปฏิบัตินั้น เพื่อป้องกันมิให้มนุษย์ฆ่ากันโดยเฉพาะ ไม่ถึงกับห้ามฆ่าสัตว์เดรัจฉานด้วย