หลักธรรมสร้างสันติสุขแก่ชีวิตและสังคม ตอน ๓

การปฏิบัติต่อตนเองให้งามด้วยศีล

ทีนี้ในขั้นต่อไป เราจะปฏิบัติต่อธรรมะก้อนนี้ของเราอย่างไร ประการต่อไป เราจะต้องประดับตกแต่ง ต้องหุงหาอาหารสำหรับรับประทาน สิ่งที่เราได้มาเพื่อจะเป็นเครื่องบริโภคอุปโภคทั้งหลายเหล่านั้น เราลองคิดดูว่าเราสามารถที่จะเนรมิตเอาโดยลำพังตัวเองได้ทุกอย่างหรือไม่ ในเมื่อเราไม่สามารถที่จะเนรมิตเอาได้ด้วยตนเองหมดทุกอย่าง เราจะต้องอาศัยการซื้อหาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น การติดต่อกับคนภายนอกหรือโลกภายนอกก็ย่อมมีอันเกิดขึ้น ดังนั้น มันจึงเกิดมีศีลธรรมขึ้นมา ในลักษณะที่ถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน

ยกตัวอย่างเช่น เราต้องการอาหารบริโภค เราจะทำอย่างไร เราจะต้องไปซื้อหาเข้ามาถ้าหากเราไม่มี แต่ถ้าหากเราไม่ซื้อไม่หา คอยจ้องมองเวลาเจ้าของเขาเผลอๆ ไปหยิบฉกฉวยเอามาโดยที่เขาไม่รู้เนื้อรู้ตัว อะไรจะเกิดขึ้น ก็การละเมิดศีลข้ออทินนาทาน มันก็เกิดผิดศีลผิดธรรมขึ้นมาอย่างนี้ ทีนี้ถ้าเราไปจี้ไปปล้นเขามา ถ้าฆ่าเขาตาย มันก็ผิดศีลข้อปาณาติบาต ทีนี้สมมติว่าเรารักเราชอบใครแล้วเราไปแย่งชิงเขามาโดยลำพัง เช่น ล่วงละเมิดสิทธิประเวณีของกันและกัน มันก็เกิดการละเมิดศีลข้อกาเมสุมิจฉาจาร ทีนี้ถ้าหากว่าเราไปโกหกพกลมหลอกลวงชาวบ้านชาวเมืองทั้งหลายด้วยหวังผลประโยชน์แก่เราส่วนเดียว มันก็ผิดศีลข้อมุสา ถ้าเรามัวเมาในสิ่งมึนเมาทั้งหลาย เช่น สุราและยาเสพติด เป็นต้น มันก็ผิดศีลข้อสุรา มันก็เกิดผิดศีลขึ้นมาด้วยประการฉะนี้ นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องประพฤติปฏิบัติในตัวของเรา

ต่อบุญเพื่อความเป็นมนุษย์

เพราะฉะนั้น ร่างกายของเรานี่ เป็นสิ่งที่เราได้มาโดยยาก พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า มีอาหารดีๆ ก็ให้มันรับประทานบ้าง มีเสื้อผ้าดีๆ ก็หาให้มันนุ่งมันห่ม หรือมีเครื่องประดับตกแต่งอะไรดีๆ ก็หาประดับตกแต่งให้มันบ้าง ให้มันพอมีหน้ามีตาเสมอบ่าเสมอไหล่ของสังคมเขา เพราะร่างกายเป็นสิ่งที่ได้มาด้วยบุญกันทั้งนั้น ทีนี้ในเมื่อเรารู้แล้วว่าร่างกายของเรานี่เป็นสิ่งที่เราได้มาด้วยบุญ และเราจะต่อบุญของเราเพื่อได้มาซึ่งร่างกายอันนี้อย่างไร พระพุทธเจ้าก็สอนให้เรามีศีล ๕ มีกรรมบถ ๑๐ โดยสมบูรณ์บริบูรณ์ เราจึงจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ อันนี้เป็นหลักปฏิบัติในทางพระพุทธศาสนาโดยตรง

พรหมวิหาร ๔ คือคุณธรรมที่ผู้บังคับบัญชาควรมี

แต่ถึงแม้ว่าท่านจะไม่สามารถปฏิบัติให้มันสมบูรณ์บริบูรณ์ ก็เพียงได้ข้อใดข้อหนึ่ง หรือโดยที่สุด แม้ตั้งจิตตั้งใจทำงานทำการในหน้าที่ด้วยความมีน้ำใจ ด้วยความรักการงาน ด้วยความรักในเพื่อนฝูงของตัวเอง หลักของการที่จะปลูกจิตปลูกใจให้มีความรักใคร่นับถือซึ่งกันและกันโดยส่วนใหญ่นั้น ก็ไม่หนีการมีพรหมวิหาร ๔ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้บังคับบัญชา ผู้ปกครองหมู่นั้น จะขาดพรหมวิหารเสียมิได้ พรหมวิหารก็คือ เมตตา ความปรารถนาดี กรุณา คิดจะช่วยให้พ้นจากทุกข์ มุทิตา พลอยยินดีในเมื่อลูกน้องของตนเองทำดิบทำดี ไม่มีความอิจฉาตาร้อน อุเบกขา เบาใจได้ในเมื่อทุกคนตั้งหน้าตั้งตาทำงานด้วยความมีน้ำจิตน้ำใจ

ความนอบน้อมคือคุณธรรมของผู้น้อย

ในเมื่อผู้หลักผู้ใหญ่ท่านประกอบด้วยคุณธรรมดังที่กล่าวมานั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาจะพึงปฏิบัติต่อกันอย่างไร ความเคารพเป็นสิ่งสำคัญ ความนอบน้อมเป็นสิ่งสำคัญ ผู้ใต้บังคับบัญชาถ้าขาดความเคารพนอบน้อมในผู้บังคับบัญชาแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเสียหายหมด แม้แต่ในวัดหนึ่ง ๆ ถ้าลูกวัดขาดความเคารพนอบน้อมต่อสมภารเจ้าวัด วัดนั้นก็เหลวแหลก ในวงราชการก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าผู้น้อยไม่มีความเคารพในผู้บังคับบัญชา ไม่มีความอ่อนน้อมต่อผู้บังคับบัญชา งานการมันก็เป็นไปไม่สะดวก คอยแต่จะขัดจังหวะ คอยแต่จะขัดขืนคำสั่ง อะไรในทำนองนี้ งานก็ไม่ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย เป็นชนวนให้แตกความสามัคคี ในเมื่อเราแตกความสามัคคีกันแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็แหลกเหลวไปหมด เพราะฉะนั้นคุณธรรมคือความสามัคคีจึงเป็นสิ่งที่พึงปรารถนาในหมู่มวลมนุษย์ผู้อยู่กับสังคมทั้งหลาย