เทศนาธรรมจาก “พระสันฺตจิตฺโต” ช่วงที่ 2

“พระสนธิ สันตจิตโต”
พระสันฺตจิตฺโต - อาตมาภาพขอพูดถึงเรื่องการบวชแถมสักนิดหนึ่ง วัดโพธิสมภรณ์ ที่อาตมภาพบอกว่า ธรรมะจัดระเบียบให้อาตมภาพ หมายความว่าอย่างไร อาตมภาพบวชที่วัดโพธิสมภรณ์เสร็จแล้วกลับไปที่วัดป่าบ้านตาด ท่านอาจารย์ราญ ซึ่งท่านเป็นพระพ่อบ้าน ก็มาจัดฟูกที่นอนให้ ไม่ใช่ฟูก เสื่อ ผ้าห่ม อาตมาภาพบอกว่า อาจารย์ท่านอาจารย์ราญเรียกอาตมภาพอาจารย์ อาจารย์รู้ไหมว่าที่วัดโพธิสมภรณ์ใครบวชมาบ้าง อาตมภาพก็บอกไม่ทราบท่านอาจารย์ หลวงปู่ฟั่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่ตื้อ หลวงปู่อ่อน หลวงปู่แหวน ที่อาตมภาพบวชที่ญาติโยมไปในงานวันนั้น นั่นหละเป็นที่ที่พ่อแม่ครูอาจารย์ทุกท่านนั่งบวชอยู่ แล้วล้วนแล้วแต่เป็นพระอรหันต์
อาตมาภาพเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ธรรมะจัดระเบียบให้หมด เหตุผลที่เรามาเจอกันวันนี้ก็เพราะว่า ธรรมะจัดระเบียบให้ ที่เราต้องมารู้จักกันก็เพราะธรรมะจัดระเบียบให้ อาตมภาพอยากจะตั้งคำถามถามคนซึ่งมีข้อสงสัย ข้อแรก อาตมภาพอยากจะถามว่า พวกเราเชื่อในพระพุทธเจ้าหรือเปล่า ถ้าเราเชื่อ เราก็ต้องเชื่อต่อว่า เราเชื่อในพระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ท่านไหม ถ้าตอบว่าเชื่อ ถ้าตอบว่าเชื่อเราก็ต้องเชื่อเหมือนอย่างที่พระองค์ท่านได้ตรัสเอาไว้ว่า สวรรค์มีจริง นครมีจริง สวรรค์มีจริงแล้วก็นรกมีจริง เทวดาก็มีหลายชั้น ชั้นดาวน์ดึง ชั้นพรหม มีจริงหมด อาตมภาพได้รับประสบการณ์ทางจิตวิญญาณทางด้านนี้มาหลายครั้ง ครั้งแรกที่บวชกับพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงพ่อญาท่าน ที่วัดป่า จ.หนวงบัวลำภู อาตมภาพบิณฑบาตเสร็จเดินผ่านศาลาที่ท่านนั่งประจำ ก็เห็นท่านนั่งอยู่ พอถามบอก หลวงพ่อเมื่อคืนได้นอนหรือเปล่า ท่านบอก พ่อไม่ได้นอกหรอก พ่อไปไหน พ่อขึ้นไปข้างบนไปเทศน์ให้เทวดาฟัง คือ มันเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนพ่อแม่องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านก็เทศน์ตลอดเวลาว่าท่านไม่เกิดอีกแล้ว เพราะว่าแต่ละภพแต่ละชาติท่านเห็นแล้วท่านน้ำตาร่วง
เสร็จเรียบร้อยแล้วคนก็พูดว่า ทำไมท่านมากู้ชาติ เรื่องเอาทองคำมาถวายคลังหลวง พระตัวเล็กๆ องค์หนึ่ง เดินเหินก็ไม่คล่อง ระดมเงินให้ชาติ ทองคำได้ 15,000 กิโล 15,000 กิโล กิโลนึงประมาณ 70 บาท เอา 70 คูณ 15,000 เข้าไป แสนกว่าบาท บาทนึงประมาณ 13,000 ทำได้อย่างไร แล้วท่านระดมเงินตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ท่านขึ้นมาบอก เอาทองคำมาให้เรา ใครเอาดอลลาร์ท่านไม่ว่า ท่านอยากได้ทองคำ ทำไมท่านถึงรู้ล่ะว่า ทองคำมันจะต้องขึ้นสูงขนาดนี้ ท่านระดมตั้งแต่ทองคำยังแค่ 4,000 บาท วันนี้ 13,000 บาท แล้วพอคนถามท่านว่า ท่านมากู้ชาติทำไม ท่านก็บอกว่า เรากู้ชาติมาแล้วในอดีตหลายครั้ง ทีนี้พอเป็นพระอริยสงฆ์ พระอรหันต์อธิบายความมากกว่านี้ไม่ได้ พูดสั้นๆ เฉยๆ ว่า เรากู้ชาติมาแล้วในอดีตหลายครั้ง ญาติโยมก็ไปวิสัชชนากันดู คำถามคือ เราเชื่อในชาติก่อนหรือเปล่า ถ้าเราเชื่อในชาติก่อนเราก็ต้องเชื่อในชาติหน้า ถ้าเราเชื่อในชาติหน้า สิ่งที่เราทำในชาตินี้มันจะมีผลกับเราในชาตินี้และชาติหน้าเช่นกัน ญาติโยมให้จำเอาไว้อย่างหนึ่ง สิ่งที่อาตมาเรียนรู้มากที่สุด ให้จำไว้เลย ที่จะออกมาปฏิบัติตนในสถานภาพเป็นฆราวาส ก็คือว่า อาตมาเรียนรู้ที่จะกำจัดมิจฉาทิฐิของตัวเอง พวกเราไม่ใช่พระสงฆ์ ไม่ต้องการปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น แต่พวกเราต้องจำไว้อย่างหนึ่ง สิ่งที่พวกเราทำได้ดีที่สุด และเหมาะสมกับสถานภาพพวกเราที่สุด คือ เปลี่ยนมิจฉาทิฐิให้เป็นสัมมาทิฐิ พ่อแม่ครูอาจารย์เปลี่ยนสัมมาทิฐิเป็นสัมมาปัญญา เป็นมหาปัญญา มหาปัญญานั้นขึ้นอยู่กับว่า หนึ่ง พวกเราแต่ละคนมีวาสนาชาติก่อนหรือเปล่าที่จะพัฒนาตัวเองไปถึงขั้นสัมมาปัญญาได้ ของแบบนี้มันเป็นเรื่องวาสนาเหมือนกัน ถ้าไม่มีวาสนาก็พัฒนาไม่ได้ แต่ถ้ามีวาสนาก็พัฒนาได้ ถ้าพัฒนาถึงสัมมนาปัญญาแล้ว พัฒนาไปจนถึงตัวเองสามารถที่จะมีมหาปัญญาได้แล้ว ญาติโยมเป็นฆราวาส ญาติโยมก็ถึงมรรคผลนิพพานได้ นิพพานคือการไม่รู้สึกอะไร พวกเราขอให้รู้สึกน้อยลง ให้โลภน้อยลง ให้หลงน้อยลง ให้โกรธน้อยลง สังคมก็จะมีสุข สังคมไทยเป็นสังคมที่มีทุกข์ ทุกคนมีทุกข์ทั้งนั้น เดี๋ยวนี้พอสิ้นเดือนสังคมไทยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ มีทุกข์หมด เงินค่าผ่อนรถล่ะ ก็มีทุกข์แล้ว เอเอสทีวีวันนี้ก็มีทุกข์ เพราะเงินเดือนยังไม่ออก ใช่ไหม ถูกไหม แล้วจะทำอย่างไร ค่าคอนโดฯ ต้องจ่าย เอเอสทีวีก็บอกว่า อาตมาก็บอกว่าคงจะต้องวันที่ 6 มั้ง อาตมาก็มีทุกข์ ถึงต้องสึกก่อนไง เพื่อมาหาเงินมาจ่ายเงินเดือนลูกน้อง มันจะไม่ดีกว่าเหรอถ้าอาตมานั่งอยู่กับป่าคนเดียว มันก็ไม่ได้อีกเหมือนกันใช่ไหม มันก็ไม่ได้อีกเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วสถานภาพใคร สถานภาพมัน ขั้นตอนไหนมีอยู่ตรงไหน เราทำตรงนั้นให้ดีที่สุด เราอย่าไปสร้างเวรสร้างกรรม อย่าไปสร้างปัญหาในขั้นตอนนั้น แล้วเราค่อยพัฒนาจากขั้นตอนนั้นขึ้นไปทีละขั้นๆ เรื่อยๆ เข้าใจหรือยัง
สังคมไทยทำไมถึงเป็นสังคมที่มีทุกข์ เพราะว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่เอาวัตถุเป็นตัวตั้ง เมื่อใดเราเอาเงินเป็นตัวตั้ง เมื่อใดเอาจีดีพี ผลิตผลมวลรวมของประชาชาติ พอเราเอาตั้งเมื่อไร เราก็จะได้ผลิตผลมวลรวมของความขมขื่นและความทุกข์ของประชาชาติทันที แต่ถ้าเราเอาผลิตผลมวลรวมของความสุขเป็นตัวตั้ง ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมันไม่มีความหมาย มันแทบไม่มีความหมาย
เมื่อก่อน สักพักหนึ่ง มีญาติโยมที่เป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ไปทำข่าวเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เขาบอกเขาเห็นด้วยกับการที่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เขาบอกเพราะว่าพลังงานไม่พอใช้ อาตมาก็ถามกลับว่าต้องมีเท่าไร เขาบอก 2 โรง แล้วทำไมต้องมี 2 โรง เขาบอกเพราะว่า ผลิตผลมวลรวมของแต่ละปีมันจะเพิ่มขึ้นทุกปี อาตมาภาพก็ถามต่อ ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า 2 โรงในอนาคตไม่พอสิ ก็ต้องเป็น 4 โรง ใช่ไหม เขาก็อึ้ง ถ้าตรรกะเป็นอย่างนี้มันก็ต้องใช่ ใช่ไหม อาตมาก็พูดต่อ แล้วอีกหน่อยมันก็ต้องเป็น 6 โรง ใช่ไหม เขาก็บอก ใช่ แล้วอีกหน่อยก็ต้องเป็น 8 โรง ใช่ไหม เขาก็บอกว่าใช่ อีกหน่อยทุกจังหวัดในประเทศไทยแต่ละจังหวัดต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 1 โรง ใช่ไหม เขาก็อึ้ง เขาบอกทำไมเราไม่ไปดูที่สมุทัย คือเหตุแห่งทุกข์ไง เหตุแห่งทุกข์ก็คือว่า เราไปมองการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เพื่อที่จะเอากิเลสมาให้เราได้ใช้เงินมากขึ้น เป็นหนี้มากขึ้น
ญาติโยมนั่งรถยนต์ไปต่างจังหวัด ญาติโยมไม่รู้สึกบ้างเลยหรือ อาตมายังรู้สึกเลย ดาวน์รถยนต์ ฟังให้ดีๆ นะ ดาวน์รถยนต์ 999 บาท ผ่อนกี่ปีก็ได้ สังคมไทยเป็นอย่างนี้ไปแล้วหรือ ถามซิ ควิกแคช เงินสดทันใจ บัตรเครดิตจากแต่ก่อนเดือนละ 20,000-25,000 ลดเหลือเดือนละ 10,000 เดี๋ยวนี้ 8,000 บาท ก็มีบัตรเครดิต คนหนึ่งมีบัตรเครดิต 3 ใบ 4 ใบ เอาใบที่ 2 ไปจ่ายใบที่ 1 เอาใบที่ 3 มาจ่ายใบที่ 2 เอาใบที่ 4 มาจ่ายใบที่ 3 อันนี้ความสุขหรือ แต่เวลาเขาขึ้นป้ายโฆษณา เขาก็บอกว่า ความสุขในการใช้จ่าย เห็นหรือยัง ซิตี้แบงก์ มอบความสุขในการใช้จ่าย ในทางธรรมซิตี้แบงก์กำลังเอานรกมาให้เรา ถ้าอาตมาขึ้นป้าย อาตมาก็ต้องบอกว่า ซิตี้แบงก์ขอเสนอนรกให้กับประชาชน เชิญมาสมัครบัตรวีซ่าของซิตี้แบงก์แล้วได้ลงนรกแน่นอน เพราะว่าทุกข์เห็นทันตาเลย
จากบัตรเครดิตสมัยอาตมาเป็นหนุ่ม อาตมาชอบใช้อเมริกันเอ็กซ์เพรส เพราะอะไร เพราะมันเตือนสติอาตมา เพราะว่าสิ้นเดือนต้องจ่ายหมด แบ่งจ่ายไม่ได้ พอสิ้นเดือนจ่ายหมด เรากัดฟันจ่ายหมด เรารู้ว่าเราหมดเงินแล้ว ไม่เอาแล้ว เราไม่ใช้แล้ว แต่วีซ่ามันบอกให้จ่าย เดิมทีเริ่มแรก 30 เปอร์เซ็นต์ จะบอกให้รู้นะ ลดเหลือ 20 ลดเหลือ 10 และลดเหลือ 5 เปอร์เซ็นต์ เพื่อต้องการให้ทุกคนเป็นหนี้มากขึ้น เพราะฉะนั้นการมีบัตรเครดิตสำหรับคนรุ่นใหม่ ความสุขอยู่ที่ไหน อยู่ที่ หนึ่ง ความเท่ใช่ไหม มีบัตรใช้ เหมือนคนจีน คนจีนไม่เคยรู้จักบัตรเครดิตมาก่อน จนกระทั่งจีนเริ่มเปิดประเทศ ปรากฏว่าธนาคารจีนเริ่มออกบัตรวีซ่าให้คนจีน คนจีนตื่นตระหนกตกใจ เพราะคนจีนแต่ไหนแต่ไรพกเงินเป็นฟ่อน มีความรู้สึกว่านี่คือความเท่ ความเท่คือความสุขไง คนจีนก็ร่อนบัตรกันแหลกเลย จ่ายแหลกเลย ปรากฏว่าเป็นทุกข์กันทุกคนตอนนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว อะไรที่เป็นความสุขแท้ที่จริงแล้วมันคือความทุกข์ เราต้องมองให้เห็น
บางคนบอกว่าธรรมนี่เข้าใจยาก เข้าใจยากมาก มีคนถามหลวงปู่มั่น ว่าธรรมทำไมเข้าใจยาก ท่านบอกว่าธรรมนี่เหมือนต้นหญ้า เหมือนดิน มีอยู่ทั่วไป คนตาดีเท่านั้นที่จะมองเห็น คนตาบอดมองไม่เห็นหรอก ใช่ไหม อาตมาจำได้ อาตมาเข้าใจคำว่ากาย กับจิต ครั้งแรกตอนไหน ตอนอาตมาบวชครั้งแรกที่วัดป่า ที่หนองบัวลำภู ที่หลวงพ่อยา ท่านเป็นพระอาจารย์อาตมา อาตมาโดนแมงป่องต่อย แมงป่อง เข้าใจไหม เจ็บโคตรเลยล่ะ นี่พูดภาษาธรรมนะ เจ็บโคตร ถ้าพูดภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าโคตรเจ็บ แต่อาตมาเป็นพระ พูดคำว่าโคตรเจ็บไม่ได้ เลยต้องเจ็บโคตร หลวงพ่อยา เดินมา หลวงพ่อยาบอกว่า เอ้า สงบสติ ตัดความเจ็บออก ให้นึกว่าเขาไม่ใช่ของเรา แยกจิตออกจากกาย แยกจิตออกจากขาให้ได้ อย่าเอาจิตไปสัมผัสตรงที่เจ็บที่ขา เชื่อหรือเปล่าอาตมาทำได้ตอนนั้น ไม่รู้สึกเจ็บที่ขา แต่ขามันบวมเอาๆ แต่พอสติเริ่มแตกปั๊บ เจ็บปุ๊บทันทีเลย แต่พอหลวงพ่อยาอยู่ไม่เจ็บ เพราะว่าท่านเตือนว่าให้แยกออกมาๆ เห็นไหม เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเราทำอย่างนี้ได้ แสดงว่าขาไม่ใช่ของเราเหมือนกันใช่ไหม
บางคนเป็นมะเร็ง ดูแล้วไม่รอด กายเจ็บ แต่ใจเป็นสุข เห็นหรือยัง สำคัญมากนะ กายเจ็บ แต่ใจเป็นสุข เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้ามีอะไรที่เกิดขึ้นกับตัวเอง แยกใจออกมาซะ รักษาใจเอาไว้ก่อน ทุกๆ เรื่อง รักษาใจเอาไว้ ทุกเรื่องเลย เหมือนเมื่อกี้นี้อาตมาเดินเข้าไป ญาติโยมคนหนึ่งก็มารายงาน บอกว่า หลวงพ่อ เงิน 10 ล้านที่เขารับปากจะให้ค่าโฆษณา ตอนนี้เขาเริ่มเบี้ยวแล้ว แต่ไม่ต้องห่วง เงินเดือนมีอยู่แล้ว ถ้าอาตมาไม่รู้สึก อาตมาต้องบอก แล้วทำไง อาตมาบอกว่า เอ่อ ช่างมัน มันจะมาก็มา มันไม่มาก็ไม่มา อย่าไปคิดอะไรมาก เห็นหรือยัง แสดงว่าใจเรารักษาไว้หรือเปล่า เราต้องรักษาใจไว้ ปัญหาบ้านเราเพราะว่าเราไม่รักษาใจกัน คนไทยไม่รักษาใจ นักการเมืองไม่รักษาใจ ประชาชนไม่รักษาใจ เราถึงได้ความชั่วมาตลอดไง เราถูกสอนมาให้เคารพประชาธิปไตย นั่งอยู่ในนี้ สมมุตินะ สมมุติมีอยู่ 100 คน มีโจร 90 คน และมีคนดี 10 คน โจร 90 คนยกมือบอกว่าไปปล้นธนาคาร ถามว่าประชาธิปไตยไหม ใช่ เพราะเสียงส่วนใหญ่ ใช่ไหม เห็นไหม แล้วคำตอบอยู่ที่ไหนล่ะ เพราะฉะนั้นประชาธิปไตยไม่ใช่คำตอบของสังคมไทย ธรรมาธิปไตยต่างหากถึงเป็นคำตอบของสังคมไทย ถ้าทุกคนเข้าถึงธรรมกันทุกคน เข้าถึงธรรม รู้ว่าการไปปล้นชิงฆ่าเป็นสิ่งซึ่งผิด ไม่ต้องยกมือก็รู้ ว่ามันทำไม่ได้ ถูกมั้ย เพราะฉะนั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เอาธรรมาธิปไตยมาให้เราตั้งนานแล้ว แต่เราไม่สนใจ จำได้ไหมพระองค์ท่านบอกว่า เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม ทศพิธราชธรรมไง รู้ไหมว่าพระองค์ท่านมีพระราชดำรัสถึงเศรษฐกิจพอเพียง ตั้งแต่ พ.ศ.อะไร ใครจำได้บ้าง 2517
33 ปีที่แล้ว พระองค์ท่านพูดถึงเศรษฐกิจพอเพียง คำว่า พอเพียง มันลึกซึ้งมากนะญาติโยม คำว่า พอเพียง มันเป็นตัวสกัดความโลภ ความโกรธ และความหลง คนบางคน ลูกน้องบางคนใช้คอมพิวเตอร์มาตั้งนานแล้ว มีความสุขกับมันนะ ดูเน็ต ดูโน้น ดูนี้ บางคนก็เหมือนกัน ดูทีวีที่บ้าน มีความสุขกับรายการ ดูข่าว แต่เริ่มมีทุกข์ตอนไหนรู้ไหม ตอนที่เพื่อนบ้านเริ่มมีโทรทัศน์จอแบน ตอนที่เห็นพนักงานบางส่วนได้รับจอคอมพิวเตอร์จอใหม่คือจอแบน เริ่มมีทุกข์แล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อวานนี้ จอแบนยังไม่มานี่ความสุขยังอยู่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเราแบ่งแยกตรงนี้ไม่ออก เรามีปัญหานะญาติโยม เรามีปัญหา ฉันใดฉันนั้น การเมืองเมืองไทย ถ้าประชาชนไม่เริ่มเข้าใจธรรมาธิปไตย ให้เลือกตั้งอีกร้อยครั้งก็ไม่มีประโยชน์ ไม่มีความหมาย อาตมาแทบไม่ต้องดูเลยว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างไร ต่อให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็อย่างนั้นน่ะ เพราะทุกอย่างไปในทางทุนไม่ได้ไปในทางธรรม คนที่ไม่ชัดเจนในตัวเอง คนที่ไม่เข้าใจอริยสัจ 4 คนที่บูชาวัตถุ แล้วคนพวกนี้ไปเป็นผู้บริหารประเทศ ไปเป็นซีอีโอบริหารบริษัท น่ากลัวไหม น่ากลัว อาตมาเห็นเด็กบางคน คนหนุ่มๆ บางคน จบ Harvard จบ Oxford ขึ้นกระดานทำสไลด์โชว์ เราต้องโตแบบนี้ เรามี Investment เท่านี้ ดอกเบี้ยเท่านี้ เราขยายอย่างนี้ เราระดมทุนมาได้อย่างนี้ แต่เด็กพวกนี้ไม่เคยรู้ว่า พระพุทธเจ้าไม่จบ Oxford ไม่ได้จบ Harvard ไม่ได้จบอะไรทั้งสิ้น แต่พระพุทธเจ้านั่งอยู่ เข้าใจคำว่า อนิจจังทุกขัง อนิจจังทุกขังมีมานานแล้วนะมีมาก่อนพระพุทธเจ้าอีกนะ ต้องรู้นะ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าค้นพบนะ พระพุทธเจ้าค้นพบ อนัตตา พระพุทธเจ้าพูด ขอโทษนะ ขอโทษพระองค์ท่าน พระพุทธเจ้าบอก เฮ้ย มันไม่มีอะไรนี่หว่า มันอนัตตา อนัตตาพูดง่ายทำยาก หลายคน แม้กระทั่งอาตมา บอกว่า ได้ เพราะอนัตตามันมีส่วนผสม สูตรสำคัญมากเลยนะ สำคัญมากเลยคือ อัตตา อัตตา อีโก้ ไอ้โก้ เขาเรียกอีโก้ไอ้โก้ ก็ขอกระทบกระทั่งกันเล็กน้อย มีอาจารย์สอนธรรมะคนหนึ่งชาวอินเดีย สอนเก่งมาก คนที่สหรัฐอเมริกาชื่นชมาก อยู่วันหนึ่งไปสอนธรรมะที่สถาบันแห่งหนึ่ง ที่มหานครนิวยอร์ก สอนเสร็จ อาจารย์คนนั้นกลับมาที่อพาร์ตเมนต์ร้องไห้ ร้องไหโฮเลยนะ แล้วหยุดสอนไปเลย กลับไปปฏิบัติธรรมใหม่ ตอนหลังลูกศิษย์ก็ถามอาจารย์ว่า ทำไมอาจารย์ถึงร้องไห้ แล้วหยุดสอน บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าใจคำว่า อนัตตา สอนเขา แต่พอสอนจบมีคนมาชมว่า ท่านสอนได้ดีมาก จิตอาตมามีปีติ อาตมารู้ว่าอาตมาเข้าไม่ถึงแล้ว ก็เลยต้องหยุดสอน เพราะว่าใครชมต้องไม่ปีติ พอปีติเมื่อไหร่ก็คือ ธรรมของกู เข้าใจหรือยัง ธรรมของกู นี่ยกตัวอย่างให้ฟัง มันถึงบอกว่า ทำยากไง แต่ว่าอัตตากูอัตตามึงไม่เป็นไร มีได้ ให้มันมีตี๊ดเดียวได้ไหม ให้มันตี๊ดเดียวได้ไหม จากการซึ่งคนมาชมแล้วคุยโวเลย ให้มันลดลงเหลือ คนมาชมให้ยิ้มที่มุมปากเล็กๆ แล้วก็บอก ขอบคุณ แล้วไปฝึกต่อ เข้าใจไหม อันนี้ดีที่สุด เปลี่ยนจาก โอย ยังไม่เคยฟังผมพูดที่นู้น ที่องค์การสหประชาชาติ ดีกว่านี้อีก เข้าใจหรือยัง ถ้าตัดตรงนี้ไปได้ก็ขอบคุณ ดีที่สุดคือ ไม่ต้องยิ้มอะไรทั้งสิ้น พูดคำว่า ขอบคุณเฉยๆ แล้วไม่ต้องปลื้มปีติ ถือว่าตัวเองได้ทำบุญทำทาน
อาตมาเพิ่งเข้าใจว่า ทำไมพ่อแม่ครูอาจารย์ให้อาตมามาเดินทางมาเยี่ยมเยียนญาติโยม เพราะธรรมดาแล้ว ข้อที่ 1 ต้องรู้นะ จะไปบวชวัดป่าบ้านตาดแค่ 30 วัน หลวงตาไม่ให้นะ ในอดีตให้มา 2 คน คนนึงอย่างที่เล่าให้ฟัง คุณเฉลิมพล อีกคนนึง คุณอภิชาติ อาตมานี่คนที่ 3 อันที่ 2 เมื่อบวชแล้วจะออกจากวัดต้องขออนุญาตท่าน ถ้าท่านบอกว่า อย่าเพิ่งไป ก็ต้องไม่ไป ความเป็นอรหันต์ของท่าน ท่านเห็นทะลุ พอบอกว่า ท่านอาจารย์ปิ๋วไปกราบเรียนว่า พระสนธิจะขอลากลับไป 4 วันหลังจากปฏิบัติธรรมแล้ว 20 กว่าวัน ท่านบอก เออ อาตมาเพิ่งเข้าใจว่า ท่านให้อาตมามาโปรดสัตว์ เพราะท่านรู้จากจิตของท่านว่า อาตมาได้เรียนรู้บ้างไม่มากก็น้อย ถึงจะแค่หางอึ่งของธรรมของท่าน แต่ก็ต้องถือว่า ได้แล้ว
อย่างที่อาตมาเล่าให้ฟังเมื่อคืนนี้ไง ที่วัดป้อมเพชรบุรี ตอนนี้พระสายป่า วัดป่าบ้านตาด มี 2 สาย กำลังถกเถียงกันอยู่ สายแรกบอกว่า ไม่อยากให้อาตมาสึก อยากให้อยู่ตลอดชีวิต เพราะบอกว่า นานๆ จะหาพระปากจัด เปลี่ยนจากเมืองไทยรายสัปดาห์เป็นพระธรรมรายสัปดาห์ หรือว่า ยามเฝ้าพระธรรม นะ อีกสายนึงบอก ไม่ได้ต้องสึก แล้วสึกแล้วต้องบวชแล้วต้องสึก เพราะว่า ในการเข้าไปครั้งนี้คือการไปเติมพลัง ไปเติมพลัง ไปเติมพลัง ท่านบอกว่า พระสายกรรมฐานไม่อยากจะมาประท้วงนะ ใครอยากจะมาเดินขบวนบ้างล่ะ แต่เรื่องคลังหลวงไม่มีใครสนใจ ทั้งๆ ที่เป็นชีวิตของคนไทย หนังสือพิมพ์ก็ไม่สนใจ สื่อมวลชนก็ไม่สนใจ โทรทัศน์ก็ไม่สนใจ หมอประเวศก็ไม่สนใจ บรรดาปูชนียบุคคลทั้งหลาย พล.อ.เปรม ท่านก็ไม่สนใจ ทั้งๆ ที่มันเป็นหัวใจ เป็นชีวิตของชาติเลยนะ เพราะถ้าเอาพระคลังหลวงมาผสมกัน ประเทศไทยเจ๊งทันทีเลยนะ อ้าว กลายเป็นองค์พ่อแม่ครูอาจารย์หลวงตามหาบัว ท่านสนใจ ท่านมาปกป้องประเทศชาติให้ พระป่าสายนี้ก็บอกมันไม่ใช่หน้าที่นะ อาจารย์สนธิต้องสึกออกไปเป็นเทวทูต เป็นตัวแทนพระสายบริสุทธิ์ เพื่อออกไปรบราฆ่าฟัน ไปสู้ เอาธรรมนำหน้าไปสู้ อาตมาเพิ่งเข้าใจคำว่า ธรรมนำหน้า เมื่อมาบวชที่วัดป่าบ้านตาดนี่เอง เดิมทียืนอยู่บนเวทีที่ลานพระรูปฯ สนามหลวง นึกว่าตัวเองเข้าใจคำว่า ธรรมนำหน้า คือเอาความจริงมาเสนอ จริงๆ มีมากกว่านั้น ธรรมนำหน้าของอาตมาก็คือ ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ธรรมอันนั้นหมายความว่า ตัดแล้วได้ซึ่งกิเลสเรื่องสมบัติตัดแล้ว กิเลสเรื่องชีวิตตัดแล้ว เมื่อสมบัติก็ไม่ต้องการ ไม่กลัวจะหมด ชีวิตก็ไม่กลัวตาย ใจสงบไหม พอใจสงบ การที่เดินหน้าต่อไปเพื่อเอาธรรมนำหน้ามันก็ง่ายแล้วซิ มันไม่กังวล เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่อาตมาพูด คือ ญาติโยมมีธรรมกันหมดทุกคน เป็นเพียงแต่ว่ายังอธิบายไม่เป็น เพราะฉะนั้นถ้าอธิบายตรงนี้เป็น ก็เริ่มพัฒนาจากตรงที่ตัวเองรู้ ว่าที่ตัวเองทำนี้เป็นธรรมนำ ให้มันไปอีกขั้นหนึ่ง เหมือนอาตมาตอนนี้เข้าใจแล้ว อาตมาจะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น
อาตมาขอทำนาย ไม่ใช่พุทธทำนายนะ สันฺตจิตฺโต ทำนาย การเมืองเมืองไทยจะถึงแก่กาลพินาศฉิบหายภายในไม่เกินสิ้นปี 2551 และถึงแก่กาลวิบัติในปี 2552 ประชาชนจะเดือดร้อนกันทุกหย่อมหญ้า เพราะไม่มีที่พึ่ง ทหารเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะการใช้กำลังมาแก้นั้น เมื่อแก้เสร็จเรียบร้อยแล้วไม่มีโอสถตามมาเพื่อรักษาก็ไม่ได้ แล้วทหารเองก็ไม่เข้าใจคำว่า โอสถของธรรมาธิปไตย เพราะทหารโดยสถาบันแล้วยังมีอัตตาสูงอยู่ ก็คือ สถาบันทหาร ทหารต้องถูกต้องอย่างเดียว เพราะฉะนั้นแล้วความวุ่นวายตรงนี้มันจะเป็นช่องว่างก่อให้เกิดทางเลือกที่แท้จริง ตอนนั้นประชาชนทั่วประเทศไทยจะเริ่มไม่เข้าใจ อาตมาลงสมุยครั้งนี้ อาตมาถามญาติโยมที่สมุยที่มาฟังธรรมร้อยกว่าคน ตลกไหม พรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น อาตมาถาม พรรคประชาธิปัตย์เป็นอนาคตของชาติหรือเปล่า เขาบอก ไม่ใช่ เขาบอก เขาก็ไม่รู้เหมือนกันจะทำอย่างไรกับมัน มีมันตั้งห้าสิบหกสิบปี ทำเกือบตาย ช่องว่างมีช่วงนี้ ทำได้อย่างมากก็ 120 เสียง 140 เสียง มันเกิดอะไรขึ้น เขาถาม เหมือนกัน พอมีข่าวขึ้นมาก็มีทางเลือกใหม่ พอหน้าโผล่มาก็คือ โยมสุวัจน์ ลิปตพัลลภ โยมสุวิทย์ คุณกิตติ โยมนู้นโยมนี้ พินิจ จารุสมบัติ วนเวียนกันอยู่แค่นี้ วนเวียนกันอยู่ไม่รู้จักจบจักสิ้น เพราะฉะนั้นแล้วปี 2552 จะเป็นช่วงที่สังคมไทยจะมีทางเลือก 2 ทาง 1. สังคมไทยจะตกเหวไปเลยทั้งสังคม หรือจะมีอะไรใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาตมาหวังว่า คงจะเป็นธรรมาธิปไตย อย่างที่อาตมาพูด การเอาเสียงส่วนใหญ่เป็นเครื่องตัดสินชาติบ้านเมืองนั้นไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ต้องเอาธรรมตัดสิน เพราะถ้าคนมีธรรมแล้วแทบจะไม่ต้องตัดสิน มีคำถามอะไรบ้าง ปัญหาอะไรบ้างที่ธรรมตอบไม่ได้ ตอบมาซิ ธรรมตอบได้หมด ธรรมตอบได้หมด ราคาน้ำมันธรรมตอบได้ไหม ธรรมตอบได้ ราคาน้ำมันมันขึ้นสูงเพราะอะไร เพราะปริมาณความต้องการมาก ฝ่ายผลิตมันน้อยใช่ไหมแล้วทำไมความต้องการมันมากล่ะ ตอบสิ ก็เพราะเราใช้มาก ทำไมเราใช้มาก เราไม่รู้จักใช้อย่างพอเพียง เพราะฉะนั้นมันย้อนกลับมาที่คนใช่ไหม อัล กอร์ An inconvenient Truth คนก็ปรบมือให้ใหญ่เลย เก่ง แต่อัล กอร์ มาทำเพียงแค่เล่าให้ฟังว่าอะไรเกิดขึ้น อัล กอร์ ยังไม่ได้ให้คำตอบสุดท้าย ไม่ได้ตอบไปเลยนะว่าที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าพวกท่านเป็นตัวทำ วิถีชีวิตพวกท่านมันทำให้เกิดมลภาวะ ทำให้โลกร้อน เหมือนกัน ถ้าเราแก้ปัญหาของชาติโดยเข้าถึงสมุทัย คือเหตุแห่งทุกข์ได้ เหตุแห่งทุกข์ของน้ำมันแพง มันมาจากเพราะสังคมไทยไม่รู้จักพอเพียง เราก็มาแก้กันตรงที่ทำอย่างไรให้พอเพียง เข้าใจหรือยัง เพราะฉะนั้นธรรมตอบได้ เห็นไหมเรื่องราคาน้ำมัน ธรรมตอบได้
รถไฟฟ้าใต้ดิน อาตมาพูดมาหลายครั้ง โยมสโรชาก็คงจำทฤษฎีของอาตมาได้ ความจริงสิ่งที่อาตมาสอนไปนั้นก็คือธรรมนั่นเอง อาตมาไม่รู้ ธรรมคือคนที่ใช้มาก แบ่งปันให้คนที่ใช้น้อย เมื่อคนที่มีรถยนต์ก็ต้องพร้อมจะต้องเสียภาษีถนน เอาไปแบ่งปันให้คนใช้น้อย ก็เอาภาษีถนนต่อปีต่อคัน คูณจำนวนรถที่มีอยู่ ตั้งเป็นงบประมาณออกพันธบัตร ตามหลัก Investment Banking เหมือนกันเป๊ะ เราใช้ Investment Banking ในเชิงธรรม เอารายได้ข้างหน้าที่ได้จากภาษีถนน เอามาก่อสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน แล้วก็คิดตลอดสาย 15 บาท เพื่อคนที่มีรายได้น้อย เห็นไหม นี่คือธรรม ธรรมก็ตอบได้
อาตมาภาพจะบอกให้ อาตมาภาพจำเป็นต้องพูดเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ญาติโยม น้องนุ่งหลายคนก็อยู่ในวงการนี้ อาตมาภาพจะบอกว่าวิชา MBA นั้นคือวิชาทำลายโลก เพราะวิชานี้ไม่ใช่วิชาการสร้างสมดุลของชีวิต แต่เป็นวิชาทำลายชีวิต โดยเอาวัตถุเป็นตัวตั้ง เอากำไรเป็นตัวตั้ง จำได้ไหมว่าในยุคโยมทักษิณ จนกระทั่งมายุคนี้ หรือยุคก่อนหน้าโยมทักษิณ เรื่องบางเรื่องทุกคนจะพูดบอกว่าทำไปแล้วไม่มีกำไร สิ่งแวดล้อมตีเป็นเงินได้ไหม ตีเป็นกำไร ขาดทุน ได้ไหม ไม่ได้ เหมือนอย่างโรงงานเผาขยะใน กทม. เอาธรรมมาจับสิแล้วจะทะลุ ทำไมเขาถึงไม่เกิดโรงงานเผาขยะ กทม. เพราะเขาบอกอย่างไรรู้ไหม เพราะเขาบอกลงทุนไม่คุ้มค่ารายได้ที่ได้จากการเผาขยะ แล้วถ้าขยะมันเต็มเมืองล่ะ จะทำอย่างไร ซื้อโรงงานมาเผาขยะ ก็บอกมันไม่คุ้ม ถ้าอย่างนั้นทุกบ้านก็เอาขยะไว้ในบ้าน แล้วกินนอนกับขยะไปสิ ตรงนี้ประเมินเป็นค่าเงินได้อย่างไร ก็เพราะว่าซีกสมองของเราสองซีก ซีกซ้ายเขาเรียกว่า Rational เหตุผล เราได้รับการพัฒนาจากวิชาการของตะวันตก ซีกขวาก็คือ Spiritual จิตวิญญาณ อันนี้เป็นทางตะวันออก เราบริหารจัดการสร้างความสมดุลระหว่างซีกข้างซ้าย-ข้างขวาไม่เป็น เราเทไปที่ซีกข้างซ้ายหมดเลย ซีกขวาเราไม่เหลือ มันก็เลยไม่เหลืออะไร การสร้างสมดุลในใจสร้างอย่างไรล่ะ
เวลาญาติโยมใครเอาตังค์มาให้ ใครจำได้ไหมว่าให้เท่าไร จำไม่ค่อยได้ แต่ใครยืมเงินเราไปไม่คืนนี่ แม่นไหม นี่คือการขาดสมดุลในความคิดในใจ อาตมายกตัวอย่างตลอดเวลา นั่งรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ไปสุพรรณบุรี 100 กิโลฯ ถนนเรียบ ชมถนนสักคำว่าถนนมันเรียบดีนะ ไม่เคยชม ผ่านไปแค่ 50 เมตร ขรุขระ เฮ้ยถนนทำไมมันขรุขระจัง เห็นหรือยัง 100 กิโลฯ ของถนนเรียบ ไม่ชม 50 เมตรของถนนขรุขระ ไปด่า นี่คือการขาดสมดุลในจิตใจ ขาดสมดุลในจิต เพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่พวกเราต้องเริ่ม คือเราต้องเริ่มการสร้างสมดุลในใจให้ได้เสียก่อน พอเราเริ่มสร้างสมดุลในใจได้ นั่นก็คือจุดเริ่มแรกในการรักษาใจแล้ว รักษาใจขั้นต่อไปคือต้องทำให้สงบ
ญาติโยมอย่าไปเห็นการนั่งสมาธิเป็นเรื่องตลก นี่ถ้าเมื่อเช้าไม่อึกทึกครึกโครม ประมาณตี 5 อาตมาก็จะเดินรอบบ้านพระอาทิตย์สัก 3 รอบ พุทโธ ให้จิตมันสงบ แต่จิตมันสงบมันเป็นเรื่องสำคัญ เท้าขวาทับเท้าซ้าย มือขวาทับมือซ้าย นั่งตัวตรง หลับตา สูดหายใจเข้าไปลึกๆ ให้รู้สึกว่าลมหายใจเข้าจมูก และปล่อยลมหายใจออกทางจมูก ทำอย่างนี้สักวันละ 15 นาที ถึงจะรวมจิตไม่ได้ไม่เป็นไร มันเป็นจุดเริ่มต้น แล้วมันสงบเอง 15 นาที ทำได้ไหมล่ะต่อวัน ง่ายมาก ทำไปทุกวันจนเกิดความเคยชินแล้วมันจะเริ่มขยายเป็นครึ่งชั่วโมง
อย่าไปประมาทเรื่องธรรม ประมาทอะไรประมาทได้ ประมาทเรื่องธรรม ประมาทไม่ได้เลยญาติโยม เพราะฉะนั้นแล้วมีอีกจุดหนึ่งอาตมาจะแนะนำให้ อาตมาอยู่ป่า ตื่นมาตอนเช้า มีแต่สบงกับอังสะ กางเกงในยังไม่มีเลย วันอังคารที่ 27 ที่อาตมาออกจากวัดป่าบ้านตาด บินลงมากรุงเทพฯ อาตมาตื่นตอนตี 4 เพื่อปฏิบัติธรรม 13 องศาฯ ท่ามกลางป่า เย็นไปหมด หำก็เย็น นี่ไม่ได้พูดทะลึ่ง นี่พูดภาษาธรรม แต่ว่ามันแปลก วันนี้อาตมามาจำวัดที่นี่ อาตมาเข้าห้องน้ำตอนเช้า แปรงฟัน ล้างหน้า รู้สึกมันหงุดหงิด เพราะทำไมรู้ไหม เกือบเดือนนี่ล้างหน้า แปรงฟัน ในกลางแจ้ง ท่ามกลางต้นไม้และพลังจักรวาล ลองดู พอเราตื่นขึ้นมา เราโสลเสล เราเข้าไปห้องน้ำสี่เหลี่ยมเล็กๆ เราเปิดน้ำ เราล้างหน้า เราส่องดูกระจก เราไม่ได้รับพลังจักรวาล เรามองดูเราบอกว่า ขนตาปลอมหลุดละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องไปติดใหม่ ตีนกาเริ่มแล้ว สงสัยปีหน้าต้องดึงหน้า อาตมาอยากให้มีการปฏิบัติธรรมแล้วพอเข้าห้องน้ำ วันหลังบอก ตีนกาขึ้นแล้ว บอกว่ามันไม่ใช่ของเรา ก็มันแก่แล้ว ตีนกาก็ต้องขึ้น เข้าใจหรือยัง
เมื่อคืน ที่วัดป้อม เพชรบุรี อาตมาให้เขายกตัวอย่างผู้หญิงสวยมาคนหนึ่ง เขาบอกอาภัสรา หงสกุล ไม่ใช่ แก่ไปแล้ว เอาสดๆ สาวๆ ซิงๆ เขาบอกแพนเค้ก เราบอกไม่เป็นไร แพนเค้ก เอามา สวยไหม สวย ให้แพนเค้กแคะขี้มูกให้ดูหน่อยซิ แล้วดูขี้มูกแพนเค้กซิว่าสวยไหม นั่นคือภายใน หรือว่าแพนเค้กขี้ ระหว่างขี้ เอาก้อนขี้แพนเค้กมาดูสักนิดซิ เหม็นไหม เหม็น ลอกหนังแพนเค้กออกมา ก็จะเห็นเนื้อแดงๆ ช้ำเลือดช้ำหนอง เหมือนทุกๆ คนที่ดั้งหัก ไม่สวยเหมือนแพนเค้ก ช้ำเลือดช้ำหนองเหมือนกันหมด เลาะหนังออกหมด แพนเค้กเหลือแต่อะไร เหลือแต่กระดูก พ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงตามหาบัว ท่านถึงพูดไงว่า เวลาเราดูญาติโยม เราเห็นแต่กระดูกทั้งนั้น เราไม่เห็นอะไร เห็นแต่กระดูก เพราะข้อเท็จจริงมันคือกระดูก เพราะฉะนั้นแล้วความสวยมันอยู่ที่ไหนล่ะ อยู่ที่ปรุงแต่งไงล่ะ เหมือนคนมีคอมพิวเตอร์ แล้วเห็นคอมพิวเตอร์จอแบน มันปรุงแต่งว่าจอแบนคือเท่ คือสวย เหมือนคนมีรถคันหนึ่ง ใช้วีออสอยู่ ก็ไปได้ดี มีความสุขกับมันเยอะแยะไปหมดเลย พอเริ่มผ่อนหมดเริ่มมีปัญหาแล้ว เริ่มผ่อนหมดเริ่มมีปัญหา ตายล่ะรถเราผ่อนหมดแล้วนี่ เราไม่มีภาระแล้ว เอารุ่นใหม่ เพื่ออะไร เพื่อความเท่ ทำไมมันเท่ล่ะ เพราะว่าจิตเราไปปรุงแต่ง ว่าวีออสมันต้องคัมรี คัมรีมันเท่กว่า หรือ 318 มันต้อง 520 เพราะ 520 มันเท่กว่า ใช่ไหม
เห็นหรือยัง ปรุงแต่งนี่อันตรายมากนะ เพราะฉะนั้นเราต้องพัฒนาตัวรู้ให้รู้ว่า เรากำลังปรุงแต่ง ถ้าเราพอดีในตัวของเราเอง เรามีความรู้สึกพอเพียง มีญาติโยมคนหนึ่ง ไม่รู้โยมสโรชาจำน้องใบเตยได้ไหม ทั้งพ่อทั้งแม่ ทั้งน้องใบเตย ไปเยี่ยมอาตมาที่วัดป่าบ้านตาด ขึ้นไปนั่งพับเพียบกัน เป็นคนอีสาน ไปร่ำรวยที่ภูเก็ต ก็เลยสร้างโรงแรมเล็กๆ สร้างมา 2 แห่งแล้ว กลับไปเยี่ยมแม่ที่ไม่สบาย ก็เลยไปเยี่ยมอาตมา อาตมาก็ถามว่าธุรกิจไปได้ดีไหม เขาบอกไปได้ดีครับ กำลังจะทำโรงที่ 3 อยู่ แล้วมีเงินกำไรพอจะมาสร้างโรงที่ 3 เหรอ บอกว่า ไม่ครับ แบงก์ให้กู้ ปล่อยกู้ให้ 90 เปอร์เซ็นต์ เครดิตดีมาก อาตมาถามว่า จะฟังอาตมาสักนิดไหม เขาบอกได้ เข้าใจคำว่าอนิจจังไหม เขาบอกเข้าใจ มันมีความไม่แน่นอนนะโยม จะเอาเชิงธรรมะ ก็คือว่าอนิจจังมันไม่แน่นอน เอาเชิงวิทยาศาสตร์ไหม เขาบอกเอา อาตมาก็บอกว่า หลังจากที่มีสึนามิที่ภูเก็ต ที่อาเจะห์ แล้วขยายมาที่อินโดฯ อินโดฯ มาที่ประเทศไทย จากวันนั้นถึงวันนี้มีแผ่นดินไหวที่อินโดฯ เกิดขึ้นมาแล้วไม่ต่ำกว่า 15 ครั้ง ไม่หยุด ทางวิทยาศาสตร์แปลว่า เพลทที่อยู่ใต้ดินมันขยับไปเรื่อยๆ แล้ว มันถึงไหวตลอดเวลา 5 ริกเตอร์บ้าง 3 ริกเตอร์บ้าง 6 ริกเตอร์บ้าง แสดงว่ามันไม่หยุดไหว แสดงว่ามันกำลังใกล้จะต้องไหวใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ใช่ไหม เขาก็บอกใช่ ถ้ามันเกิดที่อินโดฯ เหมือนคราวที่แล้ว มันเกิดที่อาเจะห์ ก็แสดงว่ามันต้องกระทบภูเก็ตอีกใช่ไหม ก็บอกใช่ ในทางวิทยาศาสตร์อันนี้ก็เรียกว่าอนิจจังเหมือนกัน แต่ในทางธรรมบอกมานานแล้วโดยที่ไม่ต้องดูข่าวว่าอนิจจัง มันไม่เที่ยงแท้ เพราะฉะนั้นแล้ว โยม 2 อันนี้อยู่แค่ 2 อัน ผ่อนหมดหรือยัง หมดแล้ว เก็บเงินกำไรเอาไว้ สะสม ทำบุญ แล้วบอกว่า ตอนมีโรงหนึ่งอยู่กับใบเตยบ่อยไหม บอกว่าอยู่กันทุกวัน ตอนนี้ 2 โรง ใครดู บอก ผมต้องไปดูโรงหนึ่ง เมียโรงหนึ่ง แล้วมีโอกาสกินข้าวกับใบเตยบ่อยไหม บอกว่าลดน้อยลง แล้วความสุขอยู่ที่ไหน ไอ้ผมทำก็ทำเพื่อให้ลูกๆ เขาจะได้มั่นคง ความมั่นคงของครอบครัวไม่ใช่อยู่ที่อสังหาริมทรัพย์ ไม่ใช่อยู่ที่ว่าโยมมีเงินล้าน หรือเงินสิบล้าน อยู่ที่ความสุขของการอยู่ด้วยกัน ความสุขของการเป็นพ่อ แม่ ลูก ความสุขของการมีกัลยาณมิตร ความสุขของการมีมิตรแท้ รู้ว่าถึงเวลายากลำบากก็ไม่ทิ้งกัน ยืนเคียงข้างกัน เชื่อใจซึ่งกันและกัน มีศรัทธาในตัวมิตร มีศรัทธาในตัวญาติมิตร มีศรัทธาในตัวผัว มีศรัทธาในตัวเมีย นั่นคือความสุขใช่ไหม นั่นคือความสุขที่แท้ เขาก็ได้คิด อาตมาบอกว่าขอให้เชื่อเถอะ อย่าไปกู้เลยธนาคาร แต่ถ้าจะทำจริงๆ ทำไมไม่ให้มีเงินสดๆ แล้วไปลงเอง 100 เปอร์เซ็นต์ ถึงมันพังก็ไม่ได้เป็นหนี้เขา
ประเทศไทยทุกวันนี้ประหลาด เห็นหนี้เป็นความสุข ทุกคนอยากเป็นหนี้กันหมด จำได้ไหม สมัยอาตมาเป็นหนุ่ม ค้าขาย บินไปเมืองนอก อุ๊ย คนสนธิแน่ คนอย่างนี้สิแน่ เพราะว่าเจ้าหนี้ยอมปล่อยเงินกู้ แสดงว่าเครดิตดี อ้าว อิ๊บอ๋ายแล้วสิ ไม่เข้าธรรมแล้วสิ เพราะอันนั้นคือโมหะ หลงไง โลภะ โมหะ หลงในลาภ หลงในการเป็นหนี้ ไปมองเห็นทุกข์เป็นความสุขได้อย่างไร ไปมองเห็นการเป็นหนี้เป็นความสุขได้อย่างไร โยม เป็นไปได้อย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว พุทธ คือ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน คนพวกนี้คือคนอะไรล่ะ คนที่ต้องรู้จักพอเพียง ถามว่าประเทศไทย สังคมไทย พอเพียงอยู่ได้ไหม มันอยู่ได้ อยู่ได้ดีด้วย อยู่ได้ประเสริฐด้วย อยู่ได้อย่างมีความสุขด้วย ไอ้คนที่ไม่มีความสุขก็คือคนผลิตสินค้าขายไง ของขายได้น้อย เอ้าคนตกงาน ตกงานไม่เป็นไร ตกงานปรับตัวได้ไหม ปรับตัวได้ ทำไมจะปรับตัวไม่ได้ ก็เลิกสิ เลิกใช้จ่ายเรื่องที่มันไม่จำเป็น โยมที่ฟังอาตมาพูดอยู่เรื่อยๆ โยมจำได้ไหมอาตมายกตัวอย่างตู้เสื้อผ้า ยังไม่ทำสักคนเลยใช่ไหม ทำแล้วเป็นอย่างไร จริงอย่างอาตมาพูดหรือเปล่า ใครไม่เคยฟัง อาตมาเคยยกตัวอย่างของความพอเพียง
โยมทุกคนกลับบ้านไป ทุกคนไม่เว้น โยมแอ้มด้วย ไปเปิดตู้เสื้อผ้าดู ไปดูรองเท้า ดูเข็มขัด ดูกระเป๋า เป็นธรรมกับตัวเองนะ อย่าโกหกตัวเองนะ เลือกเสื้อผ้าที่ใช้ไม่ถึง 5 ครั้ง แยกออกมา จะค้นพบว่ามีอยู่หลายตัวยังไม่เคยใส่เลย มีอยู่หลายตัวใส่แค่ครั้งเดียว แยกกองๆ รองเท้าด้วย เข็มขัดด้วย พอทำเรื่องตู้เสื้อผ้าเสร็จ โยมดูรอบบ้าน ดูว่าอะไรบ้างในบ้านที่ไม่มีความจำเป็นในชีวิต อ่ะ โทรทัศน์ยกให้ เครื่องเสียงยกให้ ไม่เป็นไร เครื่องประดับเล็กๆ น้อยๆ สวยสด ที่ติดไว้ตู้เย็น ที่เป็นแม่เหล็ก แหมมันเท่นะ แยกออกมา แล้วโยมบวกเลขเข้าไป แล้วโยมจะช็อก โอ้โห ตายล่ะ ขนาดนี้เชียวหรือ นี่คือความไม่พอเพียง เพราะฉะนั้นแล้วให้ใช้สติ ความรู้สึก จับจิตวิญญาณในการใช้จ่ายเงิน เมื่อเอาสติ เอาความรู้สึกเข้าไปจับ การปรุงแต่งก็จะน้อยลง ใช่ไหม ถูกไหม แต่ถ้าไม่เอาสติไปจับการปรุงแต่ง เสื้อนี้มันเจ๋ง สวย โอ๊ยชอบ เราซื้อของซื้อตามอารมณ์ใช่ไหม อารมณ์นั่นล่ะคือการปรุงแต่ง
วันนี้เอาธรรมะแค่หางอึ่งมาให้ พระป่า เวลาฉันก็จะพิจารณาว่า ข้าพเจ้าฉันอาหารวันนี้เพื่อรักษาขันธ์ 5 ข้าพเจ้าไม่ได้ฉันเพื่อความสวยงาม ขอให้เจ้าของร่างกาย ปลา หมู เป็ด ไก่ ที่เสียสละชีวิตมาเป็นอาหารให้ข้าพเจ้าฉัน ได้ให้อโหสิกรรมข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขมาต่อท่าน แล้วก็หลับตาตั้งจิตอธิษฐานแผ่เมตตา ถึงญาติโยมทุกท่านที่มาทำบุญตักบาตรกับพระวันนี้ ด้วยเจตนาที่ท่านมาเป็นบุญเป็นกุศลอยู่แล้ว ถึงแม้อาตมาจะไม่ได้ฉันอาหารท่าน แต่เจตนาที่ท่านมา ก็ให้อานิสงส์ในเรื่องบุญกุศลแก่ท่าน ขอให้ท่านจงประสบแต่ความสุขความเจริญ อันนี้เป็นคำอธิษฐานพระป่า ทุกๆ ครั้งในการฉัน เพราะฉะนั้นจะให้รู้ว่า หลายคนนี่นั่งจ้องอาตมากับท่านอาจารย์ หยิบเป็ดหน่อยๆๆ เป็ดหนูเอามาถวาย เข้าใจหรือยัง หลายๆ คนยังติดตรงนี้อยู่ จำคำพูดหลวงปู่มั่นเอาไว้ ธรรมเหมือนต้นหญ้า ต้นไม้ มีอยู่ทั่วไป มีให้เห็นทั่วไป คนตาดีจะมองเห็น คนตาไม่ดีจะมองไม่เห็น คนตามืดบอดจะมองไม่เห็น โยมไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น คนเราหนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ ไม่มีทางหนีได้ เพราะฉะนั้นใครจะยิ่งใหญ่ หรือใครจะพยายามกลับมาใหญ่ ก็จะหนีกฎแห่งกรรมไม่ได้ ไม่มีทาง
เอาล่ะ วันนี้อาตมาจะให้พรเวอร์ชั่นสั้นๆ นะ แต่ได้ความหมาย ตั้งจิตอธิษฐาน ภะวะตุสัพพะ มังคลัง ขอให้สรรพมงคลทั้งหลายจงมีแก่ญาติโยมที่นั่งอยู่ในที่นี้ ที่ฟังธรรมอยู่ รักขันตุสรรพเทวตา ขอให้เทวดา เทพยดา ที่อยู่ในที่นี้ ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง พระแก้วมรกต ตลอดจนทวยเทพ เทพยดา ที่อยู่ในประเทศไทย จงรักษาท่าน สัพพะพุทธานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพของพระพุทธเจ้าทั้งปวง สัพพะธรรมานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพของพระธรรมทั้งปวง สัพพะสังฆานุภาเวนะ ด้วยอานุภาพของพระสงฆ์ทั้งปวง สัพพะโสตถี ภวันตุ เต ขอให้ญาติโยมทั้งหลายที่ฟังธรรมอยู่นั้นจงมีแต่ความสุขสวัสดี ความสุขความเจริญ ไปทุกๆ เมื่อ เทอญ
Photo Gallery บรรยากาศภายในวัดป่าบ้านตาด สถานที่จำวัดของ “พระสนธิ สันตจิตโต” (ภาพ : Luangta.com)
กุฏิพระที่มีฝาผนังเป็นไม้สำหรับพระที่มีอายุพรรษาสูงขึ้น
ในวัดป่าบ้านตาดจะมีทางจงกรมประจำทุกกุฏิ หลวงตาจะเข้มงวดขันให้พระเณรขยันเดินจงกรม มีเป้าหมายปลายแดนเพื่อความพ้นทุกข์สิ้นเชิง
กระต่าย ไก่ป่า สัตว์ที่นี่มีอาหารอุดมสมบูรณ์เพราะที่นี่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร
ศรัทธาญาติโยมรอใส่บาตรทุกเช้า..บริเวณด้านหน้าวัดป่าบ้านตาด
นั่งสมาธิ..หลับตานอก เปิดตาในให้ตื่นด้วย "จิตตตภาวนา"
โลกข้างนอกวุ่นวายจริงหนอ...สถานที่เช่นนี้สงบสงัดจริงหนอ
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"
|